กรณีกลุ่มคนร้ายก่อเหตุอุ้มฆ่านายธนาสันต์ หรือใหม่ เตอั้น อายุ 33 ปี หนุ่มโรงงาน มัดมือมัดเท้ายิงหัวโยนศพทิ้งบริเวณถนนเลียบมอเตอร์เวย์ กม.41+100 ขาเข้ากรุงเทพฯ หมู่ 10 ต.บางวัว อ.บางปะกง กระทั่งมีผู้พบศพ เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจพุ่งชนวนสังหารเรื่องชู้สาวและแค้นส่วนตัว ความคืบหน้า เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 2 ก.พ. พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จ.ฉะเชิงเทรา ส่งชุดสืบสวน ภ.2 ชุดสืบสวน ภ.จ.ฉะเชิงเทรา และชุดสืบสวน สภ.บางปะกง เข้าจับกุมนายกิตติโชติ หรือช่างกิต แพไพรมูล อายุ 37 ปี อาชีพขับรถขนส่งและช่างซ่อมรถยนต์ ผู้ต้องหาตามหมายจับก่อเหตุอุ้มฆ่านายธนาสันต์ จับกุมได้บริเวณปั๊มน้ำมันบางจาก หมู่ 2 ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ตรวจยึดรถเก๋งมิตซูบิซิ มิราจ สีแดง ทะเบียน ฆห 2204 กรุงเทพมหานคร ที่ลานจอดรถในพื้นที่บางเสาธงเป็นรถที่ใช้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือ ตรวจเขม่าดินปืนภายในรถ พบเสื่อ 1 ผืน วางไว้บนเบาะฝั่งผู้โดยสาร เสื้อยืดสีดำ 2 ตัว เสื้อยืดกีฬาสีเขียว 1 ตัว เสื้อยืดโปโลสีแดง 1 ตัว กางเกงสแล็ก สีดำ1ตัว เป้ผ้าสีดำ 1 ใบ ผ้าห่มลายสกอต 1 ผืน เบาะหลังผู้โดยสารทั้ง 2 ข้าง ถูกพับปรับให้เป็นพื้นที่เก็บของ มีลังเครื่องมือช่างวางอยู่
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ประสานนักประดาน้ำ มูลนิธิร่วมกตัญญูงมหาอาวุธปืนขนาด .38 ใช้ก่อเหตุ ผู้ต้องหารับว่านำไปโยนทิ้งในคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ หมู่ 2 ต.บางปู อ.เมืองสมุทรปราการ แต่ยังไม่พบ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ค้นหารถ จยย.ของผู้ตาย ผู้ต้องหาให้การว่าแยกชิ้นส่วนนำไปทิ้งไว้ในคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ ต.บางปลา อ.บางพลี พบชิ้นส่วนรถ จยย.และอะไหล่จำนวนหนึ่ง จากแนวทางการสอบสวนทราบว่า นายกิตติโชติ ร่วมกับพวกอีก 4 คน ก่อเหตุอุ้มฆ่านายธนาสันต์ ตำรวจรวบรวมหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับ สำหรับนายกิตติโชติมีความสนิทสนมกับ น.ส.วรรณพร หลักแหลม อายุ 33 ปี ภรรยาผู้ตาย วันพบศพนายกิตติโชติขับรถมากับ น.ส.วรรณพร ไปดูศพสามีในที่เกิดเหตุอีกด้วย ต่อมาเวลา 10.00 น. นายนันทพัทธ์ พุทธ อายุ 23 ปี หลานชายนายกิตติโชติ, นายปานเทพ บุหรี่ทอง อายุ 29 ปี, น.ส.อภิสรา ผ่องจำปา อายุ 22 ปี และนายสุขสงกรานต์ จันแดง อายุ 24 ปี ผู้ร่วมก่อเหตุมอบตัวตำรวจ สภ.บางปะกง แต่ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บางปะกง นำหมายศาล จังหวัดฉะเชิงเทราตรวจค้นบ้านเลขที่ 339/221 หมู่บ้านนครทองซิตี้ ซอย 26 ต.แพรกษาใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ เป็นบ้าน น.ส.วรรณพร หลักแหลม อายุ 33 ปี ภรรยาผู้ตาย เพื่อเก็บวัตถุพยานหลักฐานเพิ่มเติมหาจุดเชื่อมโยงในคดี น.ส.วรรณพรกล่าวว่า ขณะนี้สภาพจิตใจย่ำแย่ยืนยันความบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวเหตุฆาตกรรมสามี ยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจค้นทุกอย่าง
เมื่อทราบนายกิตติโชติเป็นผู้ก่อเหตุตกใจมาก ส่วนนิสัยใจคอไม่ทราบเพราะเป็นแค่เพื่อนกัน เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ห้องประชุม สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 แถลงข่าวจับกุมนายกิตติโชติ แพไพรมูล อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุอุ้มฆ่านายธนาสันต์ เตอั้น อายุ 33 ปี สืบเนื่องจากตำรวจชุดสืบสวนตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบผู้ต้องหากับพวกอีก 4 คน รวมตัวที่อู่ซ่อมรถนายกิตติโชติ ในพื้นที่ ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ทั้งหมดขึ้นรถเก๋งมิตซูบิชิ มิราจ สีแดง ทะเบียน ฆห 2204 กรุงเทพมหานคร ไปบ้านผู้ตายเฝ้ารอเวลาผู้ตายออกไปทำงาน เมื่อผู้ตายขี่รถ จยย.ออกจากบ้าน ขับติดตามถึงจุดเกิดเหตุห่างจากผู้ตาย 2 กิโลเมตร ปาดหน้าและบังคับผู้ตายขึ้นรถก่อเหตุอุ้มฆ่า
พล.ต.ต.ฉัตรชัยเปิดเผยว่า สอบสวนนายกิตติโชติ อ้างว่าก่อเหตุเพียงคนเดียว มัดมือมัดเท้าและยิงผู้ตาย จากนั้นนำศพไปทิ้งบริเวณถนนเลียบมอเตอร์เวย์ สาเหตุมาจากปัญหาเรื่องส่วนตัว พยายามเจรจาแล้วแต่ไม่สำเร็จ หลังก่อเหตุให้ลูกน้องนำปืนใช้ก่อเหตุและรถ จยย.ของผู้ตายไปทิ้งคลองส่งน้ำ ส่วนผู้ต้องหาเข้ามอบตัว 4 คน ให้การอ้างว่า ขึ้นไปนั่งบนรถเฉยๆไม่รู้ไม่เห็นเหตุการณ์ ตำรวจไม่ปักใจเชื่อต้องสอบสวนทั้ง 5 คนใหม่ เนื่องจากให้การขัดแย้งทุกคน ส่วนประเด็นข้อสงสัยเรื่องใครเป็นคนตอบแชตคุยกับภรรยาของผู้ตาย ประเด็นนี้ทางกลุ่มผู้ต้องหายังให้การไม่ตรงกัน และตำรวจยังไม่เจอโทรศัพท์ของผู้ตายด้วย ดังนั้นยังสรุปไม่ได้ว่าใครคือคนตอบแชตกับภรรยาผู้ตาย เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
โดยมีหรือใช้อาวุธปืน, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรและยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน ตำรวจจะเร่งสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป