วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาว สุภารัตน์ อายุ 24 ปี ได้ติดต่อมาร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวว่าได้เข้าไปโรงพยาบาลแห่งนึง ในพื้นที่แหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และเกิดอาการแพ้ยาอย่างหนักครอบครัวถึงกับไม่รอดแล้ว
โดยเล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ตนมีอาการปวดที่คอใกล้ๆกกหู และเหมือนมีก้อนแข็งเป็นไตขึ้นมาและปวดมาก ต่อมาวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ได้มาทำการตรวจที่โรงพยาบาลแห่งนึง แหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี (ตามสิทธิประกันสังคม) ก่อนพบแพทย์ใด้มีการเจาะเลือดและXray
หลังจาก ทำการตรวจแพทย์วินิจฉัยว่าก้อนที่บวมขึ้นมา เกิดจากต่อมน้ำเหลืองอักเสบ จึงได้ทำการจ่ายยามาให้ทานจำนวน 2 ตัว คือ ใดคล็อกซาชิลลิน500มิลลิกรัมและพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัม และได้ออกใบนัดให้มาตรวจอาการเพิ่มเติมอีกที วันที่ 3 ธันวาคม
วันที่ 1-2 ธันวาคม 2566
-ไปทำงานได้มีอาการไม่สบายเล็กน้อย ไข้ขึ้น หนาวสั่น กินยาอาการก็ดีขึ้น ส่วนยารักษาต่อมน้ำเหลืองอักเสบก็ทานยา
วันที่ 3 ธันวาคม 2566 (วันหมอนัด)
-เช้าเวลา 09.00 น. ได้มีผื่นคันขึ้นตามตัว หน้าอก แขน ริมฝีปาก จึงรีบไปโรงพยาบาลตามใบนัดหมอ 10.15 น.ถึงโรงพยาบาลยื่นเอกสารเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ให้ทำการเจาะเลือดก่อนพบหมอ ใช้เวลา 2 ชม.ผลเลือดถึงจะออก และทำการเข้าพบหมอ ระหว่างรอพบหมอ ผื่นตามตัวเริ่มขึ้นเยอะและคันมากขึ้น ริมฝีปากมีตุ่มน้ำใสผุพองขึ้นมา ภายใน ปากก็เป็นแผลหลายจุดเวลากลืนอาหารหรือดื่มน้ำจะเจ็บมาก ในลูกตาเริ่มแดง อาการก่อนเข้าพบหมอ 12.16 น.
13.00 น.เข้าพบหมอตรวจอาการต่อมน้ำเหลืองอักเสบตามใบนัด ก้อนบวมที่คอยุบลงแล้วไม่มีอะไรน่าห่วง ระหว่างการ ตรวจได้แจ้งหมอแล้วว่ามีผื่นคันขึ้นตามตัว และภายในช่องปากเป็นแผลกินอาหารลำบาก หมอได้ทำการตรวจเพิ่มเติมและ วินิจฉัยว่าอาจจะติดเชื้อไวรัสอ่อนๆ ไม่ปักใจเชื่อว่าผื่นและอาการเบื้องต้นเกิดขึ้นจากอาการแพ้ยา เพราะยาตัวที่หมอจ่าย ให้ไปทาน คนใข้เคยมีประวัติทานยาตัวนี้แล้ว หมอเลยตัดหัวข้อแพ้ยาอกไปและทำการจ่ายยาแก้คัน แก้แพ้ เพิ่มมาให้ และจ่ายยาตัวเดิม มาให้กินต่อเนื่องอีก 7 วัน และออกใบนัดให้มาดูอาการอีกทีวันที่ 8 ธันวาคม 2566 อาการหลังจากพบหมอ 13.55 น.
หลังจากกลับจากโรงพยาบาลได้กินข้าวและกินยาไป 2 ครั้ง ช่วงบ่ายโมงและเย็น และนอนหลับพักผ่อน ผ่านไปจนถึง ช่วงเวลา 20.28 น. ตื่นขึ้นมาผื่นตามตัวและปาก จึงไปหาหมออีกรอบ หมอห้องฉุกเฉินแจ้งว่าแพ้ยาขั้นรุนแรงและสั่งแอดมิทภายในคืนนั้นเลย และอยู่ห้องคนไข้รวม
ต่อมา วันที่ 4 ธันวาคม พศ 2566 ใบหน้า ตามร่างกาย และภายในช่องปาก เริ่มผุพองเป็นตุ่มน้ำใสๆ ภายในปากเป็นแผลเจ็บไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้
5 ธันวาคม 2566
อาการหนักขึ้นเรื่อยๆคอพองเป็นตุ่มน้ำขนาดใหญ่ ริมฝีปากลอกเป็นแผลเลือด ตุ่มน้ำตามตัวเยอะและใหญ่ขึ้นและตาขึ้นแฉะ
6 ธันวาคม 2566 ได้ย้ายลงมาห้องรองไอซียู
7-8 ธันวาคม ได้ย้ายลงมาอยู่ห้องไอซียู
ข้ามมาวันที่ 10 ธันวาคม ปวดแสบระบมไปทั้งตัว ใบหน้าเวลารอบดวงตาหนังตาหลุด ปากเป็นแผลเลือดตลอดเวลา
11 ธันวาคม 2566 พยาบาลได้มีการลอกหนังที่หลุด บริเวณแผ่นหลังและใบหน้า
12 ธันวาคม 2566 ทั่วทั้งร่างกายมีเลือดซึมและเจ็บแสบระบมไปทั่วทั้งร่างกาย
13 ธันวาคม 2566 เวลานอนจะทรมานมาก เนื่องจากแผ่นหลังไม่มีการปกปิดใดๆ เป็นแผ่นหลังเปลือยบำวนอนลงไปกับที่นอนที่มีแผ่นรอง นอนปูอยู่ เวลาน้ำเลือดน้ำหนองที่ออกมาจากหลังสดๆโดนแผ่นรองนอนก็จะแห้งติด ทำไมเวลาขยับตัวหรือลุกทำแผลจะ ติดและต้องดึงออกทุกครั้ง ซึ่งเจ็บปวดทรมานมากๆ
14 ธันวาคม 2566 ช่วงเวลาประมาณ 10 โมง ทางหัวหน้าแผนกไอซียูได้เข้ามาแจ้งว่าจะได้ย้ายโรงพยาบาล ไปรักษาตัวต่อที่ โรงพยาบาลชลบุรี ให้คนไช้โทรบอกญาติและรียกให้ญาติมาโรงพยาบาลเพื่อมาเซ็นเอกสารทำเรื่องย้ายโรงพยาบาล ให้ ญาตีรีบเดินทางมาเนื่องจากจะทำการส่งตัวคนไช้ช่วงเวลา 12.00 น. ทางตัวหนูเองก็รีบโทรหาผู้ปกครองเพราะอยู่ดีๆ จะต้องย้ายโรงพยาบาลกระทันหันโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าเป็นวัน
ระหว่างรอญาติเดินทางมาก็เห็นเจ้าหน้าที่ที่จะทำการ ขับรถย้ายตัวคนไข้มารอหน้าห้องเตรียมหร้อมรอส่งตัว ระหว่างนี้ทางหัวหน้าแผนกได้มีการเข้ามาถามย้ำว่าญาติถึงไหน แล้ว ใกล้ถึงหรือยัง จะถึงเวลาย้ายตัวคนใข้แล้ว พอญาติมาถึงก็ได้มีเจ้าหน้าที่พยาบาลมาแจ้งรายละเอียดข้อมูลต่างๆ
คนใข้จะต้องย้ายไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลชลบุรี แต่ต้องไปนอนรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยรวมที่โรงพยาบาลชลบุรีก่อนซึ่ง อาจจะเสี่ยงติดเชื้อเพราะแผลคนไข้เป็นแผลเปิด ผิวหนังหลุดลอกทั่วทั้งร่างกายแต่เพราะห้องปลอดเชื้อยังไม่ว่าง ซึ่งต้อง อยู่จนกว่าทางโรงพยาบาลชลบุรีจะเคลียร์คสและหาห้องให้เข้ารักษาตัวในห้องปลอดเชื้อได้
พอทางญาติได้ยินเลยไม่ ยินยอมและยินดีที่จะให้คนข้ย้ายไปเนื่องจากสภาพของคนไข้อาการหนักมากๆไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย และด้วยแผลที่เป็นแผลเปิดสดทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งง่ายมากต่อการติดเชื้อ
ทางเจ้าหน้าที่เลยแจ้งกับญาติว่าถ้าไม่ยอมย้ายไปซลบุรี งั้นก็ต้องนอนรออยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าจะ5วันหรือ10วันก็ต้องรอไปก่อนเพราะไม่มีที่ไหนรับเคสคนไข้แล้ว ไม่มีโรงพยาบาลไหนรับ
ทางคนไช้และญาติก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ยินยอมที่จะไปรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยรวมเพราะเป็นห่วงกลัวว่าจะติดเชื้อและเป็น อันตรายได้ ระหว่างนี้ก็ได้มีการถกเถียงกันจนยืดยาวไปถึงช่วงบ่าย 3-4 โมงเย็น สุดท้ายจึงได้โรงพยาบาลที่จะส่งตัวไป รักษาต่อ คือโรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา ห้องปลอดเชื้อ แผนกแผลไฟไหม้-น้ำร้อนลวก
14 ธันวาคม 2566 ณ โรงพยาบาลสมเด็จ ยมาถึงทางเจ้าหน้าที่พยาบาลได้ส่งตัวเข้าห้องทำแผลเป็นอันดับแรก ได้ทำการชำระล้างทำความสะอาดและพันผ้าใหม่ทั้งตัว ระหว่างทำแผลเจ็บแสบทรมานมากๆเนื่องจากตอนอยู่โรงพยาบาลวิภารามไม่มีการปิดแผลเลยทำให้เศษผ้าก็อตที่แปะติดไว้บางจุดแห้งติดเข้าไปในเนื้อเลยต้องทำการดึงออกทำความสะอาดแผล
ข่าวโดย ทีมข่าวจังหวัดระยอง
เรียบเรียง มุมข่าว by siamnews